10 สิ่งต้องตระหนักเมื่อผจญภาวะท้องผูก
โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช
ของกินจะอร่อยนัวแค่ไหนแต่ถ้าลำไส้ไม่ดีก็หมดกัน เรื่องท้องไส้ เป็นเรื่องสำคัญมากครับ สมัยยังเด็กนึกอยากกินอะไรตามใจสักเพียงใดก็ไม่กังวลนักด้วยไม่มีปัญหา “เบื้องล่าง” แต่เมื่อมีอายุเข้าหรือได้ประสบปัญหาทางเดินอาหารแบบไม่คาดคิดจึงทำให้ของอร่อยพาลหมดอร่อยไป
ไม่อยากกินเมื่อนึกถึงปัญหาที่จะตามมา
ไม่ว่าริดซี่(ริดสีดวงทวาร),โรคกระเพาะ, กรดไหลย้อนหรือเรื่องง่ายๆ อย่าง “ท้องผูก” นี่ละครับ สำหรับเรื่องนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับคนที่เป็นอย่างน่าเห็นใจ
เพราะกินเข้าไปแล้วแสนอึดอัด
การที่มันไม่ออกมาหรือว่ากว่าจะออกนั้นแสนลำบากเจ็บปวดทำให้หลายท่านเข็ดขยาด ทำให้ชีวิตหมดสีสันไป ของที่เคยอร่อยก็หมดอร่อย
กร่อยเพราะท้องผูก
ซึ่งที่จริงแล้วการแก้ปัญหาท้องผูกจะไม่ยากหากรู้ “ต้นตอ” ของมันว่าอะไรที่ทำให้ “ถ่ายไม่ปกติ” แต่อย่างแรกต้องทราบก่อนว่าสรีระวิทยาแห่งการขับถ่ายของเสียนั้นมีอะไรประกอบอยู่บ้าง
3 กลไกช่วยให้ถ่ายดี
- เส้นทางดี นั่นคือ ลำไส้ที่เป็นช่องอุโมงค์โล่งดีไม่มีอะไรมากั้นขวางหรือเบียดตัน
- วัตถุดิบดี คือ มีเส้นใยในกากอาหารและกากนั้นไม่แข็งหรือเหนียวมากจนเกินไป
- พลังขับเคลื่อนดี มีแรงส่งจากลำไส้และแรงเบ่งกำลังดีที่เหมาะสม
ทั้งหมดนี้รวมกันเป็นระบบขับถ่ายที่มีประสิทธิภาพ แต่เมื่ออายุมากขึ้นท่านจะสังเกตว่ามันอาจมีปัญหาได้ เพราะกล้ามเนื้อที่ออกแรงลดลง, ลำไส้บีบตัวไม่ดีและอาหารที่รับประทานได้น้อย
นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่ต้องนึกถึงเมื่อท้องผูกอีกเป็นขบวนต่อไปนี้ครับ
10 เรื่องที่เกี่ยวกับท้องผูก
10 สิ่งต้องตระหนักเมื่อผจญภาวะท้องผูก/นพ.กฤษดา ศิรามพุช
1) ถ่ายไม่เป็นเวลา ท่านที่ไม่ฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลาเดียวกันนั้นอาจนำไปสู่โรคท้องผูกในที่สุด เพราะลำไส้ก็เหมือนกับอวัยวะอื่นที่ต้องมี “นาทีทอง” ของการทำงานเช่นเดียวกัน
โดยลำไส้ใหญ่จะบีบตัวเป็นลูกคลื่นโตๆ แค่ 1-3 ครั้งต่อวัน แต่มันช่วยขับกากอาหารทั้งขบวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยถ้าท่านฝึกปลุกลำไส้ให้ตรงเวลามันก็จะทำงานให้ท่านได้อย่างน่าประทับใจยิ่งครับ
2) ชอบอั้นถ่าย ชีวิตคนยุคใหม่ทำให้การ “กลั้นถ่าย” เป็นเรื่องที่เกิดอยู่เสมอๆ
การอั้นถ่ายหนักบ่อยๆก็เหมือนกับการ “ฝืนธรรมชาติ” ครับ เพราะโดยสรีระแล้วของเสียที่มีปริมาณมากพอจะกระตุ้นลำไส้ให้รู้สึก “ปวดอัตโนมัติ” ดังนั้นถ้าท่านที่รักทำตามกระแสได้จะดีครับ
3) แคลเซียมมากไป การได้รับแคลเซียมมากไป (Hypercalcemia) จากอาหารประจำวันหรือผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมมีส่วนทำให้เกิด “ท้องผูก” ได้ง่ายๆ
จากที่ได้คุยกับคนไข้หลายท่านบอกว่าไม่คิดว่า “แคลเซียมธรรมดา” ที่กินอยู่ทุกมื้อจะทำให้เกิดได้ เลยอยากฝากไว้เผื่อท่านที่ท้องผูกไม่หายลองพักแคลเซียมไว้ แล้วสังเกตอาการดูร่วมกับดื่มน้ำให้เยอะครับ
4) มะเร็งลำไส้ใหญ่ ในท่านที่มีท้องผูกบ่อยๆ หากร่วมกับสัญญาณอื่นอย่างเบื่ออาหาร, ผอมลง,ถ่ายผูกสลับเหลวและบางรายมีเลือดปนด้วยก็ต้องระวัง “โรคที่คุณก็รู้ว่าอะไร” ไว้ด้วยนะครับ
โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colorectal cancer) ที่ทำให้มีอาการท้องผูกเรื้อรังร่วมด้วยได้
5) นึกถึงลำไส้แปรปรวน อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) จะทำให้ท้องอืด, ผูกหรือในบางท่านสลับท้องเสียได้ มักพบในท่านที่เหนื่อย เพลีย อ่อนล้า ทำงานหนักหรือหนักอกหนักใจเรื่องใดๆในชีวิตจะทำพิษกับลำไส้ให้ป่วนจนท้องผูกได้
6) ไทรอยด์ต่ำทำให้ท้องผูกได้ เป็นอีกโรคหนึ่งที่ทำให้มีอาการทางลำไส้ได้เช่นท้องผูก,ท้องอืดแน่น มีอาการคล้ายโรคกระเพาะแต่เป็นเรื้อรังไม่หายสักที มักร่วมกับมีอวบขึ้นบวมขึ้นทั้งที่กินก็ไม่มาก
หากมีอาการเช่นว่าก็อย่าเพิ่งตกใจไป ขอให้ลองเจาะเลือดตรวจไทรอยด์ดูก่อนแล้วแก้ได้ครับ
7) ทำให้เกิดแผลปากทวาร ในเด็กเล็กที่ท้องผูกบ่อย ปล่อยเข้าห้องน้ำเองร้องจ๊ากทุกทีมีอาการหวาดผวานั่งกระโถน
ขอให้นึกถึงโรคแผลปริที่ปากก้น (Anal Fissure) นี้ไว้ เพราะมันมาจากท้องผูกแล้วเบียดบาดก้นอ่อนจนเป็นแผล ค่อยแก้เรื่องท้องผูกฝึกการเข้าห้องน้ำแล้วจะตัดวงจรแผลนี้ได้ขาดครับ
8) ริดสีดวงตามมา เมื่อท้องผูกบ่อย ประกอบกับปัจจัยอีก 2-3 อย่างอาจสร้างให้เกิดตุ่มพองของเส้นเลือดขอดที่ทวารหนักได้ ทำให้เกิดเลือดออกหรืออาการเจ็บปวดตามมาพร้อมกับคลำได้ติ่งที่เหมือนนินจาโผล่บ้างผลุบบ้างตามระยะของมัน
ถ้าเป็นเช่นนี้ขอให้แก้เรื่องท้องผูกก่อนจะช่วยได้มากครับ
9) ผูกได้ในคนท้อง ในสาวๆ ที่มีน้องในท้องขอให้ระวังท้องผูกตามธรรมชาติที่อาจเกิดได้เมื่อเริ่ม “ท้องแก่” และเกิดไปเรื่อยจนกว่าจะคลอด เพราะท้องที่ป่องขึ้นทุกวันคืนจะเพิ่มแรงดันให้ขยุ้มเส้นเลือดเบ่งบานขยายออกเป็นริดสีดวงที่ทวารหนักได้
ในคนท้องจึงต้องดูแลเรื่องอาหารดีๆ ด้วยจะได้ช่วยการขับถ่ายครับ
10) เบาหวานทำท้องผูกได้ เรื่องหวานๆ อย่างน้ำตาลสูงในเลือดถ้านานถึงระดับหนึ่งจะเริ่มไปเยี่ยมเยียนตามที่ต่างๆ อย่างจอตา, ลงไตหรือที่ “ลำไส้” ก็ไปได้ เพราะความหวานไปทำให้ “หลอดเลือด” และ “เส้นประสาทเสื่อม” ทั่วราชอาณาจักร
โดยหลักๆ แล้วตามปลายอวัยวะต่างๆ อย่างลำไส้ก็ทำให้เส้นประสาทที่คุมเสียไปทำให้ขี้เกียจทำงานเกิดอาการท้องอืด, กรดไหลย้อน, ท้องเสีย หรือท้องผูกเรื้อรังได้
อาการท้องผูกที่ว่าไปนี้หลายท่านหนักที่อาการถ่ายยากและหลายวันกว่าจะถ่าย เพื่อให้เกิดความประทับใจมากขึ้นบางท่านจึงเลือกใช้ “ทางลัด” อย่างยาถ่ายหรือการดีท็อกซ์ลำไส้เพื่อให้ “ระบาย” ออกมาจะได้สบายตัว อีกทั้งเกรงว่าท้องผูกนานจะเก็บสารพิษไว้บานตะไท
ซึ่งในกรณีหลังนี้ขอให้ลองรับประทาน “อาหารดีท็อกซ์” แบบธรรมชาติดูด้วยนะครับ อย่างแกงส้มรสจี๊ด(มีมะขามเปียก), ผักชะอมชุบไข่ทอด(ชะอมมีใยอาหารมาก), ใบขี้เหล็ก(ช่วยระบายได้), กระเจี๊ยบอ่อน(ฝักเรียวเขียวมีเมือกใสช่วยถนอมลำไส้)
นอกจากนั้นผลไม้แบบไทยๆที่ช่วยได้ก็มีกล้วยน้ำว้า, มะละกอ, สับปะรด, ส้มโอ, ลิ้นจี่ ที่ช่วยให้การเข้าห้องน้ำเป็นเรื่องน่าประทับใจขึ้น
แถมอย่าลืม “ออกกำลังกาย” ช่วยด้วยอีกแรงนะครับ
(โดย..นพ.กฤษดา ศิรามพุช)
โดย นพ.กฤษดา ศิรามพุช
ของกินจะอร่อยนัวแค่ไหนแต่ถ้าลำไส้ไม่ดีก็หมดกัน เรื่องท้องไส้ เป็นเรื่องสำคัญมากครับ สมัยยังเด็กนึกอยากกินอะไรตามใจสักเพียงใดก็ไม่กังวลนักด้วยไม่มีปัญหา “เบื้องล่าง” แต่เมื่อมีอายุเข้าหรือได้ประสบปัญหาทางเดินอาหารแบบไม่คาดคิดจึงทำให้ของอร่อยพาลหมดอร่อยไป
ไม่อยากกินเมื่อนึกถึงปัญหาที่จะตามมา
ไม่ว่าริดซี่(ริดสีดวงทวาร),โรคกระเพาะ, กรดไหลย้อนหรือเรื่องง่ายๆ อย่าง “ท้องผูก” นี่ละครับ สำหรับเรื่องนี้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับคนที่เป็นอย่างน่าเห็นใจ
เพราะกินเข้าไปแล้วแสนอึดอัด
การที่มันไม่ออกมาหรือว่ากว่าจะออกนั้นแสนลำบากเจ็บปวดทำให้หลายท่านเข็ดขยาด ทำให้ชีวิตหมดสีสันไป ของที่เคยอร่อยก็หมดอร่อย
กร่อยเพราะท้องผูก
ซึ่งที่จริงแล้วการแก้ปัญหาท้องผูกจะไม่ยากหากรู้ “ต้นตอ” ของมันว่าอะไรที่ทำให้ “ถ่ายไม่ปกติ” แต่อย่างแรกต้องทราบก่อนว่าสรีระวิทยาแห่งการขับถ่ายของเสียนั้นมีอะไรประกอบอยู่บ้าง
3 กลไกช่วยให้ถ่ายดี
- เส้นทางดี นั่นคือ ลำไส้ที่เป็นช่องอุโมงค์โล่งดีไม่มีอะไรมากั้นขวางหรือเบียดตัน
- วัตถุดิบดี คือ มีเส้นใยในกากอาหารและกากนั้นไม่แข็งหรือเหนียวมากจนเกินไป
- พลังขับเคลื่อนดี มีแรงส่งจากลำไส้และแรงเบ่งกำลังดีที่เหมาะสม
ทั้งหมดนี้รวมกันเป็นระบบขับถ่ายที่มีประสิทธิภาพ แต่เมื่ออายุมากขึ้นท่านจะสังเกตว่ามันอาจมีปัญหาได้ เพราะกล้ามเนื้อที่ออกแรงลดลง, ลำไส้บีบตัวไม่ดีและอาหารที่รับประทานได้น้อย
นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่ต้องนึกถึงเมื่อท้องผูกอีกเป็นขบวนต่อไปนี้ครับ
10 เรื่องที่เกี่ยวกับท้องผูก
10 สิ่งต้องตระหนักเมื่อผจญภาวะท้องผูก/นพ.กฤษดา ศิรามพุช
1) ถ่ายไม่เป็นเวลา ท่านที่ไม่ฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลาเดียวกันนั้นอาจนำไปสู่โรคท้องผูกในที่สุด เพราะลำไส้ก็เหมือนกับอวัยวะอื่นที่ต้องมี “นาทีทอง” ของการทำงานเช่นเดียวกัน
โดยลำไส้ใหญ่จะบีบตัวเป็นลูกคลื่นโตๆ แค่ 1-3 ครั้งต่อวัน แต่มันช่วยขับกากอาหารทั้งขบวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยถ้าท่านฝึกปลุกลำไส้ให้ตรงเวลามันก็จะทำงานให้ท่านได้อย่างน่าประทับใจยิ่งครับ
2) ชอบอั้นถ่าย ชีวิตคนยุคใหม่ทำให้การ “กลั้นถ่าย” เป็นเรื่องที่เกิดอยู่เสมอๆ
การอั้นถ่ายหนักบ่อยๆก็เหมือนกับการ “ฝืนธรรมชาติ” ครับ เพราะโดยสรีระแล้วของเสียที่มีปริมาณมากพอจะกระตุ้นลำไส้ให้รู้สึก “ปวดอัตโนมัติ” ดังนั้นถ้าท่านที่รักทำตามกระแสได้จะดีครับ
3) แคลเซียมมากไป การได้รับแคลเซียมมากไป (Hypercalcemia) จากอาหารประจำวันหรือผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมมีส่วนทำให้เกิด “ท้องผูก” ได้ง่ายๆ
จากที่ได้คุยกับคนไข้หลายท่านบอกว่าไม่คิดว่า “แคลเซียมธรรมดา” ที่กินอยู่ทุกมื้อจะทำให้เกิดได้ เลยอยากฝากไว้เผื่อท่านที่ท้องผูกไม่หายลองพักแคลเซียมไว้ แล้วสังเกตอาการดูร่วมกับดื่มน้ำให้เยอะครับ
4) มะเร็งลำไส้ใหญ่ ในท่านที่มีท้องผูกบ่อยๆ หากร่วมกับสัญญาณอื่นอย่างเบื่ออาหาร, ผอมลง,ถ่ายผูกสลับเหลวและบางรายมีเลือดปนด้วยก็ต้องระวัง “โรคที่คุณก็รู้ว่าอะไร” ไว้ด้วยนะครับ
โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colorectal cancer) ที่ทำให้มีอาการท้องผูกเรื้อรังร่วมด้วยได้
5) นึกถึงลำไส้แปรปรวน อาการลำไส้แปรปรวน (IBS) จะทำให้ท้องอืด, ผูกหรือในบางท่านสลับท้องเสียได้ มักพบในท่านที่เหนื่อย เพลีย อ่อนล้า ทำงานหนักหรือหนักอกหนักใจเรื่องใดๆในชีวิตจะทำพิษกับลำไส้ให้ป่วนจนท้องผูกได้
6) ไทรอยด์ต่ำทำให้ท้องผูกได้ เป็นอีกโรคหนึ่งที่ทำให้มีอาการทางลำไส้ได้เช่นท้องผูก,ท้องอืดแน่น มีอาการคล้ายโรคกระเพาะแต่เป็นเรื้อรังไม่หายสักที มักร่วมกับมีอวบขึ้นบวมขึ้นทั้งที่กินก็ไม่มาก
หากมีอาการเช่นว่าก็อย่าเพิ่งตกใจไป ขอให้ลองเจาะเลือดตรวจไทรอยด์ดูก่อนแล้วแก้ได้ครับ
7) ทำให้เกิดแผลปากทวาร ในเด็กเล็กที่ท้องผูกบ่อย ปล่อยเข้าห้องน้ำเองร้องจ๊ากทุกทีมีอาการหวาดผวานั่งกระโถน
ขอให้นึกถึงโรคแผลปริที่ปากก้น (Anal Fissure) นี้ไว้ เพราะมันมาจากท้องผูกแล้วเบียดบาดก้นอ่อนจนเป็นแผล ค่อยแก้เรื่องท้องผูกฝึกการเข้าห้องน้ำแล้วจะตัดวงจรแผลนี้ได้ขาดครับ
8) ริดสีดวงตามมา เมื่อท้องผูกบ่อย ประกอบกับปัจจัยอีก 2-3 อย่างอาจสร้างให้เกิดตุ่มพองของเส้นเลือดขอดที่ทวารหนักได้ ทำให้เกิดเลือดออกหรืออาการเจ็บปวดตามมาพร้อมกับคลำได้ติ่งที่เหมือนนินจาโผล่บ้างผลุบบ้างตามระยะของมัน
ถ้าเป็นเช่นนี้ขอให้แก้เรื่องท้องผูกก่อนจะช่วยได้มากครับ
9) ผูกได้ในคนท้อง ในสาวๆ ที่มีน้องในท้องขอให้ระวังท้องผูกตามธรรมชาติที่อาจเกิดได้เมื่อเริ่ม “ท้องแก่” และเกิดไปเรื่อยจนกว่าจะคลอด เพราะท้องที่ป่องขึ้นทุกวันคืนจะเพิ่มแรงดันให้ขยุ้มเส้นเลือดเบ่งบานขยายออกเป็นริดสีดวงที่ทวารหนักได้
ในคนท้องจึงต้องดูแลเรื่องอาหารดีๆ ด้วยจะได้ช่วยการขับถ่ายครับ
10) เบาหวานทำท้องผูกได้ เรื่องหวานๆ อย่างน้ำตาลสูงในเลือดถ้านานถึงระดับหนึ่งจะเริ่มไปเยี่ยมเยียนตามที่ต่างๆ อย่างจอตา, ลงไตหรือที่ “ลำไส้” ก็ไปได้ เพราะความหวานไปทำให้ “หลอดเลือด” และ “เส้นประสาทเสื่อม” ทั่วราชอาณาจักร
โดยหลักๆ แล้วตามปลายอวัยวะต่างๆ อย่างลำไส้ก็ทำให้เส้นประสาทที่คุมเสียไปทำให้ขี้เกียจทำงานเกิดอาการท้องอืด, กรดไหลย้อน, ท้องเสีย หรือท้องผูกเรื้อรังได้
อาการท้องผูกที่ว่าไปนี้หลายท่านหนักที่อาการถ่ายยากและหลายวันกว่าจะถ่าย เพื่อให้เกิดความประทับใจมากขึ้นบางท่านจึงเลือกใช้ “ทางลัด” อย่างยาถ่ายหรือการดีท็อกซ์ลำไส้เพื่อให้ “ระบาย” ออกมาจะได้สบายตัว อีกทั้งเกรงว่าท้องผูกนานจะเก็บสารพิษไว้บานตะไท
ซึ่งในกรณีหลังนี้ขอให้ลองรับประทาน “อาหารดีท็อกซ์” แบบธรรมชาติดูด้วยนะครับ อย่างแกงส้มรสจี๊ด(มีมะขามเปียก), ผักชะอมชุบไข่ทอด(ชะอมมีใยอาหารมาก), ใบขี้เหล็ก(ช่วยระบายได้), กระเจี๊ยบอ่อน(ฝักเรียวเขียวมีเมือกใสช่วยถนอมลำไส้)
นอกจากนั้นผลไม้แบบไทยๆที่ช่วยได้ก็มีกล้วยน้ำว้า, มะละกอ, สับปะรด, ส้มโอ, ลิ้นจี่ ที่ช่วยให้การเข้าห้องน้ำเป็นเรื่องน่าประทับใจขึ้น
แถมอย่าลืม “ออกกำลังกาย” ช่วยด้วยอีกแรงนะครับ
(โดย..นพ.กฤษดา ศิรามพุช)
No comments:
Post a Comment