2/09/2015

ขากลับจาก Askaga Flower Park

ไม่ไหวเดินชมจนเมื่อยขาแล้ว


เตรียมเดินออกจากสวนซะที สบงเสบียงก็กินหมดแล้วไม่มีอะไรให้ถืออีก แต่ก็ยังมีซื้อเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศและกระถางเล็กๆติดมือมาด้วย อยากอยู่ใกล้ๆจังจะได้ซื้อกลับบ้านเพิ่ม เบื่อตรงขี้เกียจหิ้วนี่แหละ
ลาทีสถานี Tomita

มารอรถไฟฝั่งตรงข้ามสถานีที่ลงแล้ว เป้าหมายไปลงที่ Oyama


ช่วงนั่งรถไฟกลับเป็นช่วงบ่าย ๓ โมงกว่าๆ ตรงกับเวลาเด็กนักเรียนเลิกนั่งรถไฟกลับบ้านกัน โดยเฉพาะเด็กมัธยม  นั่งไปไอ้เราก็มองสังเกตดูนักเรียนญี่ปุ่นใกล้ๆก็วันนี้แหล่ะว่าแตกต่างจากนักเรียนไทยยังไง  อันแรกที่สังเกตดูเรื่องความสวย น่ารักก่อน เราก็ว่าเด็กนักเรียนไทยสวยและน่ารักมากกว่าน่ะ  ซึ่งวันที่นั่งกินอาหารกันที่คนญี่ปุ่นเลี้ยงวันก่อน ผู้หญิงญี่ปุ่นพูดกับเราว่าผู้หญิงไทยสวยและสวยกว่าคนญี่ปุ่น

มาสังเกตต่ออีกว่านักเรียนญี่ปุ่นมักจะชอบยืนมากกว่านั่ง ยืนอ่านหนังสือ ยืนเล่นโทรศัพท์แต่ไม่มีใครใช้โทรศัพท์พูดคุยขณะอยู่บนรถ เพราะคงเป็นกฎมรรยาทกัน  ส่วนคนที่นั่งหากไม่นั่งหลับก็จะอ่านหนังสือ และนักเรียนหญิงมักจะอ่านหนังสือมากกว่า

ถนนหนทางลาดยางมะตอยสีดำตัดกับเส้นสีขาว สีเส้นคมและชัดเจนมากๆ บ้านเรานี่ใช้สียี่ห้ออะไรน้อ สีมันจึงจืดๆจางๆซีดๆ มองก็ไม่ค่อยจะเห็น คงจะเป็นสีที่ราคาถูกที่สุดนั่นแหละ หลุมบ่อถนนชำรุดก็มองไม่เจอ ถนนเรียบดีจริงๆ แม้แต่บนสะพานลอยพื้นข้างบนก็ลาดยางมะตอยสะอาดดีแท้

ส่วนบ้านเรือนการใช้สีทาบ้านจะเน้นเป็นโทนเดียวกัน ออกแนวทึมๆเช่นดำ เขียวขี้เป็ด เทาเข้ม หลังคาจะมุงด้วยกระเบื้องทั้งหมด แต่ไม่เห็นมีแบบลอนเดี่ยวลอนคู่แบบบ้านเรา

ผ่านทุ่งนามองเห็นข้าวกำลังออกรวงพอดี ต้นข้าวไม่สูงเหมือนบ้านเรา แรงงานที่ใช้เป็นเจ้าของนาเพียงไม่กี่คนนอกนั้นเป็นเครื่องจักรช่วยทั้งหมด ต้นข้าวที่ออกรวงส่วนหนึ่งและที่กำลังงอกอีกส่วนหนึ่งคงปลูกหมุนเวียนตลอดปี

ฝอยซะยาวและแล้วก็ถึงปลายทาง Omiya เตรียมตัวเข้าสู่ความวุ่นวายอีกหน


2/06/2015

กระถางแก้มลิง กับการบังคับมะนาวออกนอกฤดู

กระถางแก้มลิงถือเป็นนวัตกรรมที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการปลูกพืชได้หลายชนิด ซึ่งอาศัยหลักการของน้ำใต้ดิน

กระถางแก้มลิงถือเป็นนวัตกรรมที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการปลูกพืชได้หลายชนิด ซึ่งอาศัยหลักการของน้ำใต้ดิน โดยนำกระถางเปล่าที่ออกแบบให้มีช่องด้านข้างเป็นช่องซึ่งเจาะไว้สูงจากพื้นประมาณ 10 ซม. เพื่อใช้ระบายน้ำออก แล้วนำกระถางที่มีขนาดเล็กกว่าคว่ำลงไปในกระถางใบแรก พร้อมทั้งติดท่อขนาดสูงกว่ากระถางใบแรกนั้นไว้ใส่น้ำหรือดูดน้ำออก จากนั้นใส่หินปิดก้นกระถางใบที่คว่ำเพื่อไม่ให้วัสดุปลูกร่วงลงไปในก้นกระถางใบใหม่ แล้วจึงใส่วัสดุปลูกลงไปจนมิดกระถางใบใน

หินนี้อาจเลือกเป็นหินก่อสร้างหรือหินภูเขาไฟ ขนาดไม่ใหญ่มาก แล้วตามด้วยดินปลูกเล็กน้อย นำกิ่งพันธุ์ลงปลูกจากนั้นจึงใส่ดินที่เหลือลงไปจนเต็มขอบกระถาง จากนั้นหาไม้มาค้ำและมัดกิ่งเพื่อป้องกันกิ่งพันธุ์โยกอันอาจทำให้รากขาด สุดท้ายเอาน้ำใส่ทางท่อน้ำจนน้ำไหลออกทางรูระบายน้ำ เสร็จแล้วรดน้ำที่โคนต้น เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ

นับเป็นวิธีการปลูกอย่างง่าย ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องรดน้ำทุกวัน เมื่อผิวดินแห้งดินที่แทรกอยู่ระหว่างหินซึ่งแช่น้ำอยู่จะดูดความชื้นจากน้ำทางด้านล่างขึ้นมาใช้ การปลูกมะนาว ถือว่าเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เกษตรกรหรือคนที่ต้องการทำเกษตรต้องการปลูก ด้วยปัจจัยด้านราคามะนาวที่ค่อนข้างมีราคาแพงมากในช่วงขาดแคลนอย่างช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนในแต่ละปีบางปีมะนาวมีราคาสูงถึงผลละ 5-10 บาททีเดียว จึงมีการปลูกในรูปแบบของมะนาวกระถางขึ้น

เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้าย และเหมาะกับชาวกรุงที่อยากจะปลูกมะนาวไว้กินเองอีกด้วย เพื่อตอบสนองคนเมืองที่อยากปลูกมะนาว ด้วยวิถีชีวิตของคนเมือง อาจมีเวลาในการดูแลใส่ใจรดน้ำมะนาวได้ไม่สม่ำเสมอ จึงได้มีการปลูกมะนาวในกระถางแก้มลิงขึ้น ในช่วงแรกของการปลูกมะนาว รากมะนาวยังเดินไม่เต็มที่ ควรรดน้ำบ่อย ๆ แต่หลังจาก 1 เดือนไปแล้ว รากจะงอกผ่านช่องของชั้นหินไปดูดน้ำที่อยู่ด้านล่าง จึงค่อยเว้นระยะการรดน้ำออกไปได้นานขึ้น

สำหรับการใส่ปุ๋ยสามารถใช้ปุ๋ยของผักไฮโดรโปนิกส์ได้ ส่วนด้านบนให้เสริมด้วยปุ๋ยคอก วิธีนี้จะทำให้โรคแมลงและศัตรูพืชน้อยลง เนื่องจากมะนาวในกระถางแก้มลิงจะมีทรงพุ่มเล็ก ต้นเตี้ย ดูแลรักษาง่าย ทำให้ลดการใช้สารเคมีฆ่าแมลง แต่จะใช้น้ำส้มควันไม้ฉีดพ่นได้อย่างทั่วถึง สามารถเดินดูกำจัดหนอนและเด็ดใบส่วนเสียทิ้งได้รอบต้น

การบังคับมะนาวในกระถางแก้มลิงให้ออกผลนอกฤดูนั้น จะอาศัยเทคนิคง่าย ๆ โดยใช้หลักการว่า ถ้ามะนาวขาดน้ำจะสลัดใบร่วงเพื่อลดการคายน้ำ จนเมื่อกลับให้น้ำใหม่ ก็จะรีบผลิดอกออกผล ด้วยเหตุนี้ ถ้าต้องการให้มะนาวออกดอก เราก็จะใช้สายยางมาดูดน้ำก้นกระถางจากท่อที่เราโผล่ปากไว้ให้หมด แล้วนำถุงพลาสติกมาคลุม รอประมาณ 5-7 วัน ใบจะเหี่ยวร่วงไป จากนั้นจะปล่อยน้ำเข้าทางท่อเดิม พร้อมให้ปุ๋ยไฮโดรโปนิกส์ที่เน้นธาตุอาหาร P และ N สูง เมื่อติดดอกติดผลก็เพิ่มปุ๋ย K เข้าไปเพื่อบำรุงลูก หรืออาจใช้ปุ๋ยทั่วไป สูตรเสมอ 15-15-15 ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงในน้ำ ซึ่งสามารถควบคุมได้ดี และประหยัดปุ๋ยมากกว่าใส่ลงในดิน

หรืออาจใส่ปุ๋ยคอกจากมูลวัว มูลไก่ มูลหมู ที่มีขายตามท้องตลาดลงในดินด้วย เพื่อให้ได้ผลผลิตสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ที่สำคัญต้องหมั่นตัดแต่งกิ่งให้สั้นแค่ขนาดทรงพุ่มประมาณ 1 เมตร เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่มียอดอ่อนให้ติดดอก.

ขอบคุณ
ทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ

2/05/2015

พาชมสวน

ไปเที่ยวญีปุ่นช่วงหน้าปลายเมษายน พฤษภาคม จะได้เห็นดอกไม้สวยๆ ดอกไม้ที่ชื่อว่า wisteria หรือคนญี่ปุ่นเรียกว่า fuji flowers ให้ดอกหลายสีมีทั้งสีชมพู ขาว สีม่วง ระรานตาไปหมด ช่วงเช้าที่เดินชมอากาศยังไม่ร้อนแต่พอใก้ลเที่ยงแสงแดดตรงหัวจะรู้สึกว่าร้อนพอสมควร พอดีเราใส่เสื้อผ้าหนาไปด้วยเพราะอากาศหนาวช่วงเช้า

1/30/2015

มาถึง สถานี Tomita แล้ว

มีปลูกต้นดอกไม้ไว้ที่สถานีรถไฟไว้ต้อนรับฤดูชมงานซะด้วย
 ถึงแล้ว Tomita เป็นเมืองเล็กๆ อยู่ทางเหนือของโตเกียว โดยนั่ง Tohoku shinkansen ไปลงที่เมือง OYAMA จากนั้นเปลี่ยนขบวนเป็น JR Ryomo Line มุ่งสู่ Tomita


ภาพนี้พอมองเห็นป้ายชื่อสถานีหน่อย
ลงรถไฟแล้วเดินเข้าไปในสถานีแล้วเดินทะลุออกหลังสถานีก็ไปเจอกับบ้านคนญี่ปุ่นทันที เลยถ่ายภาพไว้แต่มองหาเจ้าของบ้านไม่เจออีกเหมือนเคย



ถึงคราวต้องเดินไปที่ Askaga Flower Park ล่ะ


ออกจากสถานี ต้องเดินต่ออีกประมาณ 1 กิโลเมตร อากาศวันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส มีแดดด้วย โน่นล่ะทางเดินอยู่ข้างหลังพวกเรา ถนนค่อนข้างโล่งดีรถไม่มาก สะอาดสะอ้านคงที่คงวาทุกแห่ง

บรรยากาศข้างทาง....ชักเริ่มร้อนแล้วน่ะ


เลยโค้งนี้ก็ถึงแล้วจร้า..........เย้...แหมเดินเกือบจะถึงอยู่แล้วอยู่ๆฝนเจ้ากรรมตกมาอย่างแรง แต่ดีที่เราติดร่มมา ๒ คัน ๕๕๕  ไม่ได้แอ้มข้าหรอกโว้ย



ฝนหยุดตก มาถึงที่จำหน่ายตั๋วเข้าที่ด้านหน้า Front Gate Ticket Sales มาที่นี่ก็เพื่อมาชมสวนดอกไม้สวยๆที่ Askaga Flower Park ซึ่งดอกไม้ พรรณไม้ เมล็ดพันธุ์พืชต่างๆ กระถางต้นไม้สวยๆ ตุ๊กตาและของฝากต่างๆมากมายเหมือนเรามาเที่ยวงานเกษตรแฟร์  รวมทั้งอาหารการกินจบวงจร



ซื้อตั๋วก่อน



ได้ตั๋วมาแล้ว